สวัสดิการผู้สูงอายุ สิทธิประโยชน์ การเงิน และการดูแลหลังเกษียณ | NTK GoodHealth
การเข้าสู่วัยสูงอายุเป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย เพราะถือเป็นการพักผ่อนหลังทำงานหนักมาตลอดชีวิต แต่ในอีกมุมหนึ่งก็อาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับรายได้ สุขภาพ และความมั่นคงในอนาคต ดังนั้น “สวัสดิการผู้สูงอายุ” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงวัยและครอบครัวมีความมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และการวางแผนของตนเอง
NTK GoodHealth ได้รวบรวมข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางสังคม การเงิน ประกันสุขภาพ บำนาญ รวมถึงการจัดการมรดก เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและนำไปปรับใช้ได้จริง
สิทธิประโยชน์จากภาครัฐสำหรับผู้สูงอายุ
หนึ่งในสิ่งที่ผู้สูงอายุในประเทศไทยควรรู้คือ “สิทธิผู้สูงอายุ 60 ปี” ที่ภาครัฐจัดให้ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิด้านการรักษาพยาบาล สวัสดิการเงินอุดหนุน หรือสิทธิในการเดินทาง โดยมีรายละเอียดดังนี้
เงินอุดหนุนผู้สูงอายุ (เบี้ยยังชีพรายเดือน) ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไปและมีสัญชาติไทย จะได้รับเบี้ยยังชีพรายเดือนตามช่วงอายุ เช่น 600 บาทต่อเดือน (อายุ 60–69 ปี), 700 บาท (70–79 ปี), 800 บาท (80–89 ปี) และ 1,000 บาท (90 ปีขึ้นไป)
สิทธิบัตรทอง สิทธิรักษาพยาบาลฟรีตามนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครอบคลุมการตรวจรักษาโรคทั่วไป รวมถึงบริการป้องกันโรคและวัคซีนที่จำเป็น
สิทธิในการเดินทาง ผู้สูงอายุสามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะในอัตราพิเศษ เช่น รถเมล์ ขสมก. รถไฟฟรีในบางเส้นทาง หรือส่วนลดค่าโดยสารจากสายการบินและรถทัวร์บางแห่ง
หากผู้สูงอายุมีปัญหาด้านสุขภาพที่ต้องการผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน ครอบครัวสามารถใช้ บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน เพื่อเสริมความสะดวกและคุณภาพชีวิตได้
การวางแผนการเงินหลังเกษียณ
หลายคนคิดว่าเมื่อเกษียณแล้วไม่ต้องใช้เงินมาก แต่ในความเป็นจริงค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านสุขภาพ ดังนั้นการวางแผนการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
การออมและลงทุน ผู้สูงอายุควรเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝากประจำ พันธบัตรรัฐบาล หรือกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อความมั่นคงของเงินต้น
การวางแผนค่าใช้จ่ายสุขภาพ ควรแยกงบประมาณไว้สำหรับค่ารักษาพยาบาล ยา และบริการทางการแพทย์ เช่น กายภาพบำบัด หรือการดูแลผู้ป่วยติดเตียง
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้ที่ กายภาพบำบัดผู้สูงอายุการจัดการเงินออมให้เพียงพอ ใช้สูตร 4% Rule เช่น เก็บเงินลงทุนไว้และถอนออกมาใช้ปีละ 4% ของเงินต้น จะช่วยให้เงินเพียงพอตลอดชีวิต
ประกันสุขภาพและประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ
ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเจ็บป่วย โดยควรเลือกแบบที่เหมาะกับอายุและสุขภาพ เช่น
ประกันสุขภาพที่คุ้มครองโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน หรือโรคหัวใจ ซึ่งเป็นโรคที่พบมากในวัยสูงอายุ
ประกันชีวิตเพื่อครอบครัว นอกจากการคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังเป็นการวางแผนการเงินเพื่อทายาทหรือผู้ดูแล
ก่อนตัดสินใจทำประกัน ควรศึกษาข้อมูลโรคที่พบบ่อยในผู้สูงวัย เช่นที่หน้า โรคในผู้สูงอายุ เพื่อเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสม
บำนาญและเงินอุดหนุนผู้สูงวัย
เงินบำนาญจากประกันสังคม ผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบครบตามเงื่อนไข จะได้รับบำนาญชราภาพทุกเดือนตลอดชีวิต
กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม สามารถออมเงินกับ กอช. และรับบำนาญเมื่ออายุครบ 60 ปี
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นสวัสดิการพื้นฐานที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านการเงิน
รายได้จากบำนาญถือเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตในสังคมสูงวัย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ สังคมผู้สูงอายุ
การจัดการมรดกและพินัยกรรม
หนึ่งในเรื่องที่หลายครอบครัวมักละเลยคือการทำพินัยกรรม ทั้งที่จริงแล้วช่วยลดข้อพิพาทได้มาก
ความสำคัญของพินัยกรรม ทำให้การโอนทรัพย์สินชัดเจนและถูกต้องตามกฎหมาย
การโอนทรัพย์สิน อาจเป็นบ้าน ที่ดิน หรือบัญชีเงินฝาก ควรมีเอกสารและพยานที่ถูกต้อง
ป้องกันปัญหาครอบครัว การเตรียมไว้ล่วงหน้าจะช่วยลดการฟ้องร้องหรือขัดแย้งระหว่างทายาท
อ่านเสริมได้จาก บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเตรียมแผนระยะยาวและการจัดการทรัพย์สิน
สิทธิผู้สูงอายุในการดูแลระยะยาว (Long-Term Care)
ผู้สูงอายุหลายคนอาจต้องการการดูแลต่อเนื่อง ทั้งในบ้านพักคนชรา ศูนย์ฟื้นฟู หรือการดูแลที่บ้าน
การเข้าถึงศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและสวัสดิการบ้านพัก
การสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต./เทศบาล)
การใช้บริการผู้ดูแลมืออาชีพ
สิทธิทางภาษีและสิทธิพิเศษทางการเงิน
นอกจากสิทธิด้านสุขภาพและการเงินแล้ว ผู้สูงอายุยังได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีและการเงิน เช่น
สิทธิการลดหย่อนภาษี ผู้สูงอายุสามารถใช้สิทธิลดหย่อนเพิ่มเติมตามเงื่อนไขกรมสรรพากร
สิทธิพิเศษด้านธนาคาร เงินฝากดอกเบี้ยสูง หรือการเข้าถึงบริการที่รวดเร็ว
เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับปรับปรุงบ้านหรือใช้ในการรักษาพยาบาล
คำแนะนำด้านกฎหมายและการเข้าถึงความช่วยเหลือ
สิทธิทางกฎหมายที่ผู้สูงอายุควรรู้ เช่น การคุ้มครองจากการเอารัดเอาเปรียบ
หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ เช่น กรมกิจการผู้สูงอายุ มูลนิธิ และองค์กรอิสระ
ช่องทางร้องเรียนและสายด่วน 1300 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
หากผู้สูงอายุเผชิญความกดดัน อาจมีผลต่อสุขภาพจิต สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สุขภาพจิต
“สวัสดิการผู้สูงอายุ” เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงวัยใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมั่นคงและมีคุณภาพ การเข้าใจสิทธิที่มีอยู่ พร้อมการวางแผนด้านการเงิน ประกันสุขภาพ บำนาญ และพินัยกรรม จะช่วยให้ครอบครัวไม่ต้องเผชิญปัญหาในอนาคต
หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยด้านการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน พร้อมคำปรึกษาเรื่องสิทธิและการเงิน ติดต่อ NTK GoodHealth ได้ทันที เราพร้อมดูแลด้วยความใส่ใจ Tel.0827916559 LINE. @ntkgood
คำถามที่พบบ่อย
1. ผู้สูงอายุอายุเท่าไหร่ถึงจะได้รับสวัสดิการจากรัฐ?
ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีสัญชาติไทย สามารถลงทะเบียนรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น เงินอุดหนุนผู้สูงอายุ (เบี้ยยังชีพรายเดือน) และสิทธิบัตรทองในการรักษาพยาบาล
2. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้เดือนละเท่าไหร่?
อายุ 60–69 ปี 600 บาทต่อเดือน
อายุ 70–79 ปี 700 บาทต่อเดือน
อายุ 80–89 ปี 800 บาทต่อเดือน
อายุ 90 ปีขึ้นไป 1,000 บาทต่อเดือน
3. ผู้สูงอายุสามารถสมัครกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้หรือไม่?
ได้ หากมีอายุ 15–60 ปี สามารถออมเงินกับ กอช. และเมื่ออายุครบ 60 ปี จะได้รับเงินบำนาญรายเดือนตามเงื่อนไข
4. ผู้สูงอายุมีสิทธิทางภาษีอะไรบ้าง?
ผู้สูงอายุสามารถใช้สิทธิ ลดหย่อนภาษีเงินได้เพิ่มเติม รวมถึงได้รับสิทธิพิเศษทางการเงินจากธนาคาร เช่น เงินฝากดอกเบี้ยสูง
5. ทำไมผู้สูงอายุควรทำพินัยกรรม?
เพื่อให้การโอนทรัพย์สินเป็นไปตามความต้องการ ป้องกันข้อพิพาทภายในครอบครัว และลดขั้นตอนทางกฎหมายที่ยุ่งยาก
6. ผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้หรือไม่มีครอบครัวดูแลจะได้รับความช่วยเหลืออย่างไร?
สามารถขอรับความช่วยเหลือจาก กรมกิจการผู้สูงอายุ, บ้านพักคนชรา หรือศูนย์ดูแลระยะยาวของรัฐ รวมถึงมีสายด่วน 1300 สำหรับติดต่อรับบริการฉุกเฉิน
