ผู้สูงอายุ
เนื้อหาหลัก

ผู้สูงอายุ คืออะไร? ความหมาย สิทธิ และวิธีดูแลสุขภาพกับ NTK GoodHealth

ผู้สูงอายุ คืออะไร?

คำว่า ผู้สูงอายุ หมายถึง บุคคลที่มีอายุเข้าสู่ช่วงปลายของชีวิต ซึ่งร่างกายและจิตใจมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดให้บุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็นผู้สูงอายุ ในประเทศไทยก็ใช้เกณฑ์เดียวกันนี้ในการกำหนดสิทธิ สวัสดิการ และมาตรการดูแล โดยมุ่งให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งด้านกาย จิตใจ และสังคม

ในชีวิตจริง การเข้าสู่วัยผู้สูงอายุไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะหยุดนิ่ง แต่เป็นช่วงที่ต้องปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพและวิถีชีวิต เพื่อคงความแข็งแรงและความสุข

ผู้สูงอายุ หมายถึงอะไร และอายุเท่าไหร่

ในประเทศไทย ตาม พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 กำหนดว่า ผู้สูงอายุ หมายถึง บุคคลที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีสัญชาติไทย การนับอายุจะใช้ปีเกิดเป็นหลัก เช่น หากเกิดปี 2508 เมื่อถึงปี 2568 จะถือว่ามีอายุครบ 60 ปี

  • เป็นช่วงอายุที่คนส่วนใหญ่เกษียณจากการทำงาน

  • ร่างกายเริ่มเสื่อมถอยอย่างชัดเจน

  • เป็นวัยที่ต้องการการดูแลสุขภาพมากขึ้น

แม้หลายคนใช้สองคำนี้แทนกัน แต่ในเชิงวิชาการมีความแตกต่าง

  • วัยผู้สูงอายุ (Elderly) อายุ 60–74 ปี ยังมีกำลังพอสมควร สามารถทำงานหรือทำกิจกรรมส่วนใหญ่ได้เอง

  • วัยชรา (Old Age) อายุ 75 ปีขึ้นไป สุขภาพร่างกายอ่อนแอมากขึ้น อาจต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่นในชีวิตประจำวัน

ความแตกต่างนี้มีความสำคัญต่อการวางแผนด้านการแพทย์และสวัสดิการ เพื่อให้การดูแลเหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย

การคำนวณง่าย ๆ เพื่อรู้ว่าอายุ 60 ปีเกิดปีอะไร ให้ใช้สูตร

ปีปัจจุบัน – 60 = ปีเกิด

ตัวอย่าง ปี 2568 – 60 = 2508 ดังนั้นผู้ที่เกิดปี 2508 จะครบ 60 ปีในปี 2568 และเริ่มได้รับสิทธิผู้สูงอายุ เช่น

  • เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

  • สิทธิการรักษาฟรี

  • สิทธิใช้บริการสาธารณะบางประเภทโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

สิทธิผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป

สิทธิของผู้สูงอายุในประเทศไทยถูกกำหนดโดยกฎหมายและนโยบายรัฐ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความมั่นคงด้านชีวิตและสุขภาพ

  • ผู้สูงอายุทุกคนที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

  • ครอบคลุมการตรวจโรคทั่วไป วัคซีน การทำฟันพื้นฐาน และการฟื้นฟูสมรรถภาพ

  • ลดหย่อนภาษี สำหรับบุตรหรือผู้ดูแลผู้สูงอายุ

  • ค่าโดยสารขนส่งสาธารณะฟรี ในเส้นทางที่รัฐกำหนด เช่น รถเมล์ ขสมก.

  • เบี้ยยังชีพรายเดือน ตามเกณฑ์อายุ 60–69 ปี ได้ 600 บาท, 70–79 ปี ได้ 700 บาท, 80–89 ปี ได้ 800 บาท, และ 90 ปีขึ้นไป ได้ 1,000 บาท

  • สิทธิอบรมและพัฒนาทักษะ เพื่อสร้างรายได้

โรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ

โรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุมีหลายกลุ่ม โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และความเสื่อมของร่างกายตามวัย ดังนี้

  1. ความดันโลหิตสูง – พบมากที่สุดในผู้สูงอายุ เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

  2. เบาหวานชนิดที่ 2 – มักเกิดจากการเผาผลาญน้ำตาลบกพร่องและพฤติกรรมการกิน

  3. โรคหัวใจและหลอดเลือด – เช่น โรคหัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ

  4. โรคข้อเสื่อมและกระดูกพรุน – ส่งผลให้ปวดข้อ เคลื่อนไหวลำบาก และเสี่ยงกระดูกหัก

  5. โรคสมองเสื่อม – เช่น อัลไซเมอร์ ส่งผลต่อความจำและการใช้ชีวิตประจำวัน

  6. โรคพาร์กินสัน – ทำให้กล้ามเนื้อสั่น เคลื่อนไหวช้า สูญเสียสมดุล

  7. โรคตาเสื่อม – เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม

  8. ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ – มักเกิดจากความเหงา การสูญเสีย หรือโรคเรื้อรัง

  9. โรคปอดเรื้อรัง – เช่น ถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง

  10. โรคไตเรื้อรัง – ทำให้การขับของเสียผิดปกติ และต้องควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด

ประเภทของผู้สูงอายุ

มีสุขภาพแข็งแรง สามารถดูแลตนเอง ทำงานบ้าน หรือออกไปทำกิจกรรมสังคมได้

มักมีโรคประจำตัวรุนแรง เป็นผู้ป่วยติดเตียง หรือมีปัญหาด้านสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ ต้องมีผู้ดูแลตลอดเวลา

ปัญหาและความท้าทายในวัยสูงอายุ

  • โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ

  • โรคข้อเสื่อมและกระดูกพรุน

  • การมองเห็นและการได้ยินลดลง

  • ความเหงาเนื่องจากลูกหลานไม่อยู่ใกล้

  • ความวิตกกังวลเรื่องสุขภาพและการเงิน

  • ภาวะซึมเศร้าจากการสูญเสียคู่ชีวิต

แนวทางการดูแลผู้สูงอายุ

  1. อาหาร – กินครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีนคุณภาพ

  2. ออกกำลังกาย – เลือกแบบที่เหมาะ เช่น เดิน ว่ายน้ำ รำไม้พลอง

  3. อารมณ์ – รักษาอารมณ์แจ่มใส พบปะเพื่อนฝูง

  4. อากาศ – อยู่ในสถานที่อากาศถ่ายเท

  5. อนามัย – รักษาความสะอาดร่างกายและสิ่งแวดล้อม

  6. อบายมุข – หลีกเลี่ยงเหล้า บุหรี่

  7. อโรคยา – ตรวจสุขภาพประจำปี

  8. อะลุ้มอล่วย – ฝึกการให้อภัยและยอมรับ

การจัดกิจกรรมสังคม เช่น รำวงพื้นบ้าน การฝึกสมาธิ หรือการเรียนรู้ออนไลน์ ช่วยลดความเหงาและเพิ่มคุณภาพชีวิต

สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-aged Society) ซึ่งหมายถึงประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด

ระดับของสังคมผู้สูงอายุ

  1. Aging Society – สัดส่วนผู้สูงอายุเกิน 10%

  2. Aged Society – สัดส่วนผู้สูงอายุเกิน 20%

  3. Super-aged Society – สัดส่วนผู้สูงอายุเกิน 28%

  • แรงงานวัยทำงานลดลง

  • งบประมาณด้านสวัสดิการเพิ่มขึ้น

  • ต้องพัฒนาระบบสาธารณสุขและบริการดูแลระยะยาว

ผู้สูงอายุ ไม่ใช่เพียงกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี แต่คือบุคคลที่ต้องการการดูแลและการสนับสนุนจากสังคมในหลายมิติ ทั้งด้านสุขภาพ การเงิน และความสัมพันธ์ การเข้าใจสิทธิ ประเภท ปัญหา และแนวทางดูแลจะช่วยให้ทั้งครอบครัวและสังคมร่วมกันสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้สูงวัย

สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ NTK GoodHealth ได้ที่ Tel.0827916559 LINE. @ntkgood

คำถามที่พบบ่อย

ผู้สูงอายุ หมายถึง บุคคลที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ตามกฎหมายไทยและองค์การสหประชาชาติ

วัยผู้สูงอายุคือช่วงอายุ 60–74 ปี ส่วนวัยชราคือ 75 ปีขึ้นไป ร่างกายมักเสื่อมถอยมากกว่าและต้องการการดูแลใกล้ชิด

ให้นำปีปัจจุบันลบ 60 เช่น ปี 2568 – 60 = 2508 ดังนั้นคนที่เกิดปี 2508 จะครบ 60 ปีในปี 2568

สิทธิผู้สูงอายุ ได้แก่ เบี้ยยังชีพรายเดือน การรักษาพยาบาลฟรี สิทธิลดหย่อนภาษี และสิทธิใช้บริการสาธารณะฟรีบางประเภท

  • อายุ 60–69 ปี ได้ 600 บาท
  • อายุ 70–79 ปี ได้ 700 บาท
  • อายุ 80–89 ปี ได้ 800 บาท
  • อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้ 1,000 บาท

ครอบคลุมการตรวจโรคทั่วไป รักษาโรคเรื้อรัง ทำฟันพื้นฐาน วัคซีน และฟื้นฟูสมรรถภาพในโรงพยาบาลของรัฐ

แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ผู้สูงอายุที่พึ่งพาตนเองได้ และผู้สูงอายุต้องพึ่งพาผู้อื่น เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ที่ต้องพึ่งพาผู้ดูแลหรือบริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านจากผู้เชี่ยวชาญ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Tel. 0827916559 LINE. @ntkgood

ปัญหาของผู้สูงอายุ ได้แก่ โรคเรื้อรัง ข้อเสื่อม กระดูกพรุน ภาวะซึมเศร้า และความเหงา

ส่งเสริมด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และมีกิจกรรมสังคมเพื่อลดความเหงา

คือสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของทั้งหมด แบ่งเป็น 3 ระดับ Aging, Aged และ Super-aged