วิธีรับมือ ภาวะฉุกเฉินในผู้สูงอายุ และแนวทางการดูแล – NTK GoodHealth
ผู้สูงอายุ เป็นวัยที่ร่างกายมีความเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายและระบบประสาท ทำให้ “ภาวะฉุกเฉินในผู้สูงอายุ” เกิดขึ้นได้บ่อยและคาดเดายาก เช่น อาการช็อคหมดสติ, อาการชักเกร็งในผู้สูงอายุ, หรือแม้แต่ภาวะ น้ำท่วมปอด ที่อาจเกิดเฉียบพลันภายในไม่กี่นาที หากไม่มีการช่วยเหลือทันเวลา อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้นได้
ในบ้านที่มีผู้สูงอายุ การเรียนรู้ “การปฐมพยาบาลมีความสำคัญอย่างไร” ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะช่วยลดความรุนแรงของอาการก่อนถึงมือแพทย์ เช่น การเปิดทางเดินหายใจ การจัดท่าผู้ป่วยให้ถูกต้อง หรือการประเมินสัญญาณชีพเบื้องต้นอย่างปลอดภัย การเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้ไม่เพียงช่วยชีวิตได้ แต่ยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้อีกด้วย
โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานคร, โดย คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), การช่วยเหลือผู้สูงอายุในภาวะฉุกเฉิน PDF
การดูแลผู้สูงอายุในภาวะฉุกเฉิน (Elderly Emergency Care)
เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น ผู้สูงอายุหมดสติ ชัก หรือมีอาการแน่นหน้าอก สิ่งแรกคือ อย่าตกใจ แต่ควรปฏิบัติตาม “การเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานที่เกิดเหตุจะต้องปฏิบัติอย่างไร” อย่างถูกต้อง
ประเมินความปลอดภัยของพื้นที่ ก่อนเข้าใกล้ผู้ป่วย เช่น ไม่มีไฟฟ้ารั่ว น้ำ หรือสิ่งกีดขวาง
เรียกผู้ป่วยและตรวจการตอบสนอง หากไม่ตอบสนอง ให้รีบแจ้งหน่วยฉุกเฉิน 1669
เปิดทางเดินหายใจ (Airway) และดูการหายใจ หากหยุดหายใจ ให้เริ่ม CPR ทันที
ห้ามเคลื่อนย้ายโดยไม่จำเป็น นอกจากในกรณีพื้นที่ไม่ปลอดภัย
การดูแลผู้สูงอายุในภาวะฉุกเฉินต้องอาศัยความเข้าใจและความใจเย็น ผู้ดูแลควรเรียนรู้ “หลักในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างปลอดภัย” เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บเพิ่มเติม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีกระดูกเปราะหรือเคยผ่าตัดมาก่อน
อาการชักเกร็งในผู้สูงอายุ – สัญญาณเตือนสมองขาดออกซิเจน
อาการชักเกร็งในผู้สูงอายุ มักเกิดจากความผิดปกติของสมอง เช่น เส้นเลือดตีบ หลอดเลือดแตก หรือระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะนี้อาจเริ่มจากการ ปากเกร็ง มือเท้ากระตุก หรือหมดสติชั่วขณะ
สิ่งสำคัญคืออย่าพยายามงัดปากหรือจับตัวผู้ป่วยไว้แน่น ควรทำ “วิธีแก้อาการชักเบื้องต้น” ที่ถูกต้อง ได้แก่
จัดพื้นที่ให้ปลอดภัย เอาของแข็งออกให้ห่าง
จัดให้นอนตะแคงเพื่อป้องกันสำลักน้ำลาย
หลังจากอาการชักสงบ ให้ตรวจชีพจรและระดับการรู้สึกตัว
หากชักนานเกิน 5 นาทีหรือชักซ้ำหลายครั้ง ควรรีบพาไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะสมองขาดออกซิเจน
วิธีปฐมพยาบาลความดันสูง – ลดความเสี่ยงหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ผู้สูงอายุจำนวนมากประสบปัญหา ความดันโลหิตสูง และอาจเกิดภาวะฉุกเฉินได้โดยไม่รู้ตัว เช่น ปวดหัวรุนแรง หน้ามืด หรือเลือดกำเดาไหล การรู้ “วิธีปฐมพยาบาลความดันสูง” อย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลวได้
แนวทางการดูแลเบื้องต้น
ให้ผู้ป่วยนั่งพักในที่สงบ หลีกเลี่ยงการนอนราบ
วัดความดันโลหิตทันที หากเกิน 180/120 mmHg ให้รีบส่งโรงพยาบาล
ห้ามให้ยาลดความดันเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
หลีกเลี่ยงอาหารเค็มและคาเฟอีน
การเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น บันทึกค่าความดันประจำวัน และรู้ว่า “การวางแผนช่วยเหลือหรือปฐมพยาบาลผู้ป่วย จะต้องปฏิบัติอย่างไร” จะช่วยลดความเสี่ยงของเหตุการณ์ร้ายแรงในอนาคตได้มาก
การดูแลผู้สูงอายุเมื่อเป็นลม – ทำอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด
การเป็นลม เป็นอาการฉุกเฉินที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เช่น จากความดันต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรืออากาศร้อนจัด
“สาเหตุของการเป็นลมและวิธีการปฐมพยาบาล” ที่ควรรู้ คือ
หากหมดสติไม่นาน ให้จัดให้นอนราบ ยกขาสูงกว่าศีรษะ
คลายเสื้อผ้าและเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
หากไม่ฟื้นภายใน 1 นาที ให้รีบโทรแจ้ง 1669
เมื่ออาการดีขึ้น ควรให้ดื่มน้ำและพักจนรู้สึกปกติ ก่อนพาไปตรวจหาสาเหตุโดยแพทย์
ภาวะน้ำท่วมปอดในผู้สูงอายุ – สัญญาณอันตรายจากโรคหัวใจ
น้ำท่วมปอด เป็นภาวะที่มีของเหลวสะสมในปอด ทำให้ผู้สูงอายุ เหนื่อยง่าย นอนราบไม่ได้ หายใจมีเสียงฟืดฟาด สาเหตุหลักมักเกิดจากโรคหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจล้มเหลว
คำถามที่หลายคนสงสัย เช่น “น้ำท่วมปอด กินยาขับปัสสาวะกี่วัน” คำตอบคือระยะเวลาการใช้ยาขึ้นอยู่กับอาการและดุลยพินิจของแพทย์ การกินยาเองอาจทำให้เกิด ภาวะขาดน้ำหรือโพแทสเซียมต่ำ ได้
นอกจากนี้ หากผู้สูงอายุมีอาการ การอักเสบ เหนื่อยง่าย แก่ก่อนวัย ควรรีบตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ เพื่อป้องกันภาวะน้ำท่วมปอดซ้ำ
ภาวะช็อค หมดสติ – สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อพบผู้ป่วยหมดสติ
เมื่อผู้สูงอายุเกิด อาการช็อคหมดสติ สิ่งแรกที่ผู้ดูแลต้องทำคือ “ตั้งสติ” และประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เพราะทุกวินาทีมีค่าต่อชีวิต
สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อพบผู้ป่วยหมดสติคือข้อใด
ตรวจดูการตอบสนอง เรียกชื่อหรือแตะไหล่เบา ๆ
หากไม่ตอบสนอง ให้ตรวจการหายใจและชีพจร
โทรแจ้งสายด่วน 1669 ทันที
หากหยุดหายใจ ให้เริ่มทำ CPR เบื้องต้น (ปั๊มหัวใจ 30 ครั้ง สลับเป่าปาก 2 ครั้ง)
หากผู้ป่วยยังมีชีพจร ให้จัดท่านอนตะแคง ป้องกันการสำลัก
อาการช็อคในผู้สูงอายุอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เส้นเลือดตีบ หรือระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ การปฐมพยาบาลที่รวดเร็วและถูกวิธีช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดภาวะสมองขาดออกซิเจนได้มาก
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างปลอดภัย
หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว การ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน ถือเป็นอีกขั้นตอนสำคัญที่ต้องทำอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีกระดูกเปราะ หรือผู้ที่มีการผ่าตัดกระดูกมาก่อน
ควรยึดหลัก “หลักในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างปลอดภัย” ดังนี้
ห้ามดึง แขน ขา หรือบ่าโดยตรง
หากจำเป็นต้องย้าย ให้มีคนช่วยอย่างน้อย 2–3 คน
พยายามให้ศีรษะ ลำตัว และขาอยู่ในแนวเดียวกัน
ใช้แผ่นแข็งหรือผ้าห่มช่วยพยุงระหว่างยก
หลายคนเข้าใจผิดว่า “การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยใช้ผ้าห่ม” ทำได้ทุกกรณี แต่ในความจริงแล้ว “ไม่เหมาะกับผู้ป่วยบริเวณกระดูกสันหลัง” เพราะอาจทำให้บาดเจ็บรุนแรงขึ้น
ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ควรเรียกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ของ NTK GoodHealth ที่มีทีมพยาบาลดูแลตลอดเส้นทาง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
การเตรียมพร้อมภาวะฉุกเฉินในบ้าน สำหรับผู้สูงอายุ
บ้านที่มีผู้สูงอายุควรถูกออกแบบให้ พร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน เพราะเวลาเกิดเหตุจริง มักไม่มีใครคาดคิดมาก่อน การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้ทุกคนในบ้านรู้ว่าควรทำอะไร
การเตรียมความพร้อมมีดังนี้
จัดทำ Emergency Checklist เช่น เบอร์ 1669, เบอร์โรงพยาบาลใกล้บ้าน, รายชื่อยาและแพทย์ประจำตัว
จัดมุมปฐมพยาบาล ที่มียาและอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น เครื่องวัดความดัน พลาสเตอร์ ยาแก้ปวด
ติดตั้งอุปกรณ์ ramps คือ ทางลาดที่ช่วยให้ผู้สูงอายุหรือผู้ใช้รถเข็นขึ้น-ลงได้สะดวก ปลอดภัย และลดการลื่นล้ม
ติดตั้งราวจับในห้องน้ำ พื้นกันลื่น และสัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉิน
หากในบ้านมีหลายชั้น ควรจัดห้องนอนผู้สูงอายุให้อยู่ชั้นล่าง เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหลักการพื้นฐานของการดูแล geriatric คือ การดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม ที่เน้นทั้งร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับวัย
ภาวะฉุกเฉินในผู้สูงอายุเป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาทาง สุขภาพร่างกายและการแพทย์ โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการเฉียบพลัน
การติดตามสุขภาพเป็นประจำ เช่น การวัดความดัน ตรวจเลือด หรือทำ การตรวจสุขภาพประจำปีผู้สูงอายุ จะช่วยลดโอกาสเกิดเหตุฉุกเฉินได้มาก ผู้ดูแลจึงควรเรียนรู้วิธีสังเกตสัญญาณผิดปกติของผู้สูงอายุ เช่น หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย หรือพูดไม่ชัด เพื่อให้ช่วยเหลือได้ทัน
ที่สำคัญควรเตรียมเบอร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลใกล้บ้าน และบริการจากมืออาชีพ เช่น บริการจัดส่งผู้ดูแลผู้สูงอายุถึงบ้าน ของ NTKGoodHealth ซึ่งช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลต่อเนื่องในยามฉุกเฉินและช่วงพักฟื้น
การใช้เทคโนโลยีช่วยชีวิตผู้สูงอายุในภาวะฉุกเฉิน
เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก เช่น
เครื่องตรวจสัญญาณชีพแบบพกพา ตรวจชีพจรและออกซิเจนในเลือดได้ทันที
Smartwatch สำหรับผู้สูงอายุ ที่สามารถตรวจจับการล้มและแจ้งเตือนอัตโนมัติ
เครื่อง AED (Defibrillator) ที่สามารถใช้กระตุ้นหัวใจเมื่อหยุดเต้น
เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ผู้ดูแลและครอบครัวมั่นใจมากขึ้นว่าผู้สูงอายุจะได้รับการช่วยเหลือภายในไม่กี่วินาทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
การดูแลผู้สูงอายุให้ปลอดภัยในภาวะฉุกเฉิน ขึ้นอยู่กับ “การเตรียมพร้อม” และ “ความเข้าใจในขั้นตอนการช่วยเหลือ” ผู้ดูแลควรเรียนรู้ วิธีปฐมพยาบาลความดันสูง, วิธีแก้อาการชักเบื้องต้น, และ การเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานที่เกิดเหตุจะต้องปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้สามารถช่วยได้อย่างถูกต้อง
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
1. ภาวะฉุกเฉินในผู้สูงอายุคืออะไร และเกิดจากสาเหตุใด?
ภาวะฉุกเฉินในผู้สูงอายุ คือเหตุการณ์ที่ร่างกายทำงานผิดปกติอย่างเฉียบพลัน เช่น หมดสติ หายใจไม่ออก หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ สาเหตุหลักมักเกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ รวมถึงภาวะ น้ำท่วมปอด และ อาการช็อคหมดสติ ซึ่งต้องรีบปฐมพยาบาลและส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
2. วิธีปฐมพยาบาลความดันสูงในผู้สูงอายุทำอย่างไร?
เมื่อผู้สูงอายุมีอาการ ความดันสูงเฉียบพลัน ให้ผู้ดูแลช่วยดังนี้
จัดให้นั่งพักในที่เงียบสงบ
วัดความดันโลหิตทันที
ห้ามให้ยาลดความดันเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์
หากมีอาการแน่นหน้าอกหรือปวดหัวรุนแรง ให้รีบพาไปโรงพยาบาล
การรู้ วิธีปฐมพยาบาลความดันสูง อย่างถูกต้องช่วยลดความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันได้
3. ถ้าผู้สูงอายุมีอาการชักเกร็ง ควรปฐมพยาบาลอย่างไร?
เมื่อพบ อาการชักเกร็งในผู้สูงอายุ ห้ามงัดปากหรือพยายามจับตัวไว้แน่น ควรจัดพื้นที่ให้ปลอดภัย วางหมอนรองศีรษะและจัดให้นอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก จากนั้นให้สังเกตอาการจนกว่าจะหยุดชัก หากอาการชักเกิน 5 นาที ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
4. ผู้สูงอายุเป็นลม ควรทำอย่างไรให้ฟื้นตัวเร็ว?
หากผู้สูงอายุหมดสติชั่วครู่ ให้จัดให้นอนราบและ ยกขาสูงกว่าศีรษะ เพื่อให้เลือดไหลกลับสู่สมอง เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท และคลายเสื้อผ้าให้สบาย หากยังไม่ฟื้นใน 1 นาที ให้โทรแจ้ง 1669 โดยทันที
สาเหตุของการเป็นลมและวิธีการปฐมพยาบาล มักเกี่ยวข้องกับความดันต่ำ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรืออากาศร้อนจัด
5. น้ำท่วมปอดในผู้สูงอายุคืออะไร รักษาอย่างไร?
น้ำท่วมปอด คือภาวะที่มีของเหลวสะสมในถุงลมปอด ทำให้ผู้สูงอายุหายใจลำบาก เหนื่อยง่าย หรือหายใจมีเสียงฟืดฟาด การรักษามักใช้ยาขับปัสสาวะตามคำสั่งแพทย์ ซึ่งหลายคนสงสัยว่า “น้ำท่วมปอด กินยาขับปัสสาวะกี่วัน” — คำตอบคือขึ้นอยู่กับระดับอาการและคำวินิจฉัยของแพทย์เท่านั้น ห้ามกินยาเองโดยเด็ดขาด
6. สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อพบผู้ป่วยหมดสติคือข้อใด?
ให้ตรวจการตอบสนองของผู้ป่วยโดยเรียกชื่อและแตะไหล่ หากไม่ตอบสนอง ให้ดูการหายใจและชีพจร หากหยุดหายใจให้เริ่มทำ CPR และโทร 1669 ทันที การปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธีใน อาการช็อคหมดสติ จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ
7. การเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานที่เกิดเหตุ ควรปฏิบัติอย่างไร?
ผู้ดูแลควรตรวจสอบความปลอดภัยก่อน เช่น ตรวจว่าพื้นไม่มีไฟฟ้ารั่วหรือสิ่งกีดขวาง จากนั้นจึงเข้าไปช่วยเหลือ โดยเน้นไม่เคลื่อนย้ายผู้ป่วยจนกว่าจำเป็น การรู้ว่า “การเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานที่เกิดเหตุจะต้องปฏิบัติอย่างไร” อย่างถูกวิธี ช่วยป้องกันอันตรายทั้งต่อผู้ป่วยและผู้ช่วยเหลือเอง
8. การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยใช้ผ้าห่ม เหมาะกับผู้ป่วยแบบใด?
การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยใช้ผ้าห่ม เหมาะกับผู้ที่หมดสติหรือต้องเคลื่อนย้ายระยะสั้น แต่ ไม่เหมาะกับผู้ป่วยบริเวณกระดูกสันหลังหรือคอ เพราะอาจทำให้กระดูกเคลื่อนและเกิดอันตรายเพิ่มขึ้นได้ ควรใช้ หลักในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างปลอดภัย โดยมีผู้ช่วยหลายคนและใช้อุปกรณ์รองรับให้มั่นคง
9. Ramps คืออะไร และมีประโยชน์ต่อผู้สูงอายุอย่างไร?
Ramps คือ ทางลาดที่ช่วยให้ผู้สูงอายุหรือผู้ใช้รถเข็นขึ้น-ลงได้สะดวก โดยเฉพาะในบ้านสองชั้นหรือพื้นที่ต่างระดับ ช่วยลดความเสี่ยงการหกล้ม และเพิ่มความเป็นอิสระให้ผู้สูงอายุในชีวิตประจำวัน
10. Geriatric คืออะไร?
คำว่า Geriatric คือ ศาสตร์การแพทย์ที่เน้นการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพผู้สูงอายุแบบองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัยจากภาวะฉุกเฉินและการเจ็บป่วยซ้ำ
11. การเตรียมบ้านรับมือภาวะฉุกเฉินควรทำอย่างไร?
ควรจัดทำ “Emergency Checklist” ที่มีเบอร์โทร 1669, ใบรายชื่อยา, เบอร์โรงพยาบาลใกล้บ้าน พร้อมจัดมุมปฐมพยาบาลและติดตั้งอุปกรณ์ ramps หรือราวจับในจุดเสี่ยง การเตรียมความพร้อมเหล่านี้จะช่วยให้การดูแล ผู้สูงอายุในภาวะฉุกเฉิน ทำได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
12. หากต้องการผู้เชี่ยวชาญดูแลผู้สูงอายุในภาวะฉุกเฉิน ติดต่อที่ไหนได้บ้าง?
คุณสามารถติดต่อ NTKGoodHealth.com เพื่อใช้บริการของเรา Tel. 082-791-6559 / 091-710-5596 และ LINE. @ntkgood
บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน พร้อมทีมแพทย์
ซึ่งให้บริการโดยบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมการปฐมพยาบาลและดูแลผู้สูงอายุเฉพาะทาง