เด็กเล็ก
เนื้อหาหลัก

การดูแลเด็กเล็กอย่างครบวงจร เสริมพัฒนาการให้ลูกน้อยเติบโตแข็งแรง

การเลี้ยงลูกน้อย ไม่ใช่แค่การให้อาหารและการนอน แต่คือการใส่ใจ พัฒนาการ เด็กเล็ก ในทุกด้าน ตั้งแต่ เด็กแรกเกิด จนถึงช่วง วัยทารกแรกเกิด 0–2 ปี เพราะช่วงนี้ร่างกาย สมอง อารมณ์ และทักษะสังคมของลูกจะเติบโตเร็วมาก การรู้เท่าทัน พัฒนาการของเด็กแต่ละเดือน และการตอบสนองต่อความต้องการที่เหมาะสม จะช่วยให้ลูกน้อยมีพื้นฐานชีวิตที่แข็งแรงและมีความสุข

พัฒนาการเด็กแต่ละช่วงวัยสำคัญอย่างไร

พัฒนาการเด็ก หมายถึงกระบวนการที่ร่างกายและจิตใจของเด็กเปลี่ยนแปลงไปตามวัย เช่น การมองเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว และการสื่อสาร ซึ่งมักแบ่งเป็น พัฒนาการ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านสติปัญญา ด้านภาษา ด้านอารมณ์ และด้านสังคม

วัยทารก เป็นช่วงที่ร่างกายเติบโตเร็วที่สุด

ตารางพัฒนาการเด็กแต่ละเดือน (0–12 เดือน)

  • พัฒนาการทารก 1 เดือน สามารถมองเห็นในระยะใกล้ 20–30 ซม., จดจำเสียงแม่ได้, มีปฏิกิริยารีเฟล็กซ์เช่น ดูด กำมือ

  • เด็กแรกเกิดมองเห็นตอนไหน? ส่วนใหญ่จะเริ่มโฟกัสได้ในช่วงสัปดาห์แรก แต่ยังมองเห็นไม่ชัด

  • พัฒนาการทารก 2 เดือน เริ่มยิ้มตอบ รู้จักเสียงที่คุ้นเคย คอเริ่มแข็ง

  • พัฒนาการทารก 3 เดือน พลิกตัวได้บางครั้ง จับของเล่นได้สั้น ๆ

  • พัฒนาการเด็ก 4 เดือน หัวคอแข็งขึ้น จับของเล่นได้มั่นคง

  • พัฒนาการทารก 5 เดือน เริ่มนั่งโดยมีคนช่วย ชอบสำรวจสิ่งรอบตัว

  • พัฒนาการทารก 6 เดือน คลานได้บางครั้ง เริ่มกินอาหารเสริม

  • พัฒนาการทารก 6–7 เดือน จับข้าวของเข้าปาก สำรวจด้วยการชิม

  • พัฒนาการเด็ก 9 เดือน เกาะยืน เริ่มพูดคำง่าย ๆ เช่น “แม่” “ปา”

  • พัฒนาการทารก 8–9 เดือน สนใจเล่นซ่อนหา

  • พัฒนาการเด็ก 10 เดือน เดินโดยเกาะสิ่งของได้

  • พัฒนาการเด็ก 1 ขวบ เดินได้เองบางครั้ง รู้จักโบกมือ บ๊ายบาย

การเจริญเติบโตของทารกและการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย

การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายของวัยทารกมีลักษณะสำคัญคือ น้ำหนักและส่วนสูงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง กล้ามเนื้อพัฒนาเพื่อให้เคลื่อนไหวได้จากนอนหงาย → พลิกตัว → คลาน → เดิน การดูแลโภชนาการและการนอนที่เหมาะสมจึงจำเป็นมาก

โภชนาการและการให้อาหารเด็กเล็ก

การนอนของเด็กเล็ก

การกระตุ้นพัฒนาการทารก

การดูแลสุขภาพเด็กเล็ก

โรคที่พบบ่อยในเด็กเล็ก

โรคที่พบบ่อยในเด็กเล็ก

โรคที่พบบ่อยในเด็กเล็กมักเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และโรคติดเชื้อต่าง ๆ เนื่องจากภูมิคุ้มกันของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ โดยโรคที่พบบ่อย ได้แก่

  • สาเหตุ การติดเชื้อไวรัส
  • อาการ น้ำมูกไหล ไอ จาม มีไข้ต่ำหรือสูง
  • การป้องกัน ล้างมือบ่อย หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ผู้ป่วย และฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
  • สาเหตุ เชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส
  • อาการ ไข้ต่ำ แผลในปาก ผื่นหรือตุ่มน้ำใสที่มือและเท้า
  • การป้องกัน รักษาความสะอาดของมือ ของเล่น และภาชนะ
  • สาเหตุ เชื้อไวรัสหัด
  • อาการ ไข้สูง ไอ น้ำมูกไหล ตาแดง และผื่นขึ้นทั้งตัว
  • การป้องกัน ฉีดวัคซีน MMR ตามกำหนด
  • สาเหตุ การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสในปอด
  • อาการ ไข้สูง หายใจเร็ว หอบ ไอมีเสมหะ
  • การป้องกัน ฉีดวัคซีนป้องกันปอดบวมและดูแลสุขภาพปอด
  • สาเหตุ การติดเชื้อไวรัส (เช่น โรต้าไวรัส) หรือแบคทีเรียจากอาหารและน้ำปนเปื้อน
  • อาการ ถ่ายเหลวหลายครั้งต่อวัน อาจมีไข้หรืออาเจียนร่วมด้วย
  • การป้องกัน ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร ดื่มน้ำสะอาด และให้วัคซีนโรต้าไวรัส
  • สาเหตุ เชื้อไวรัส RSV ที่ทำให้หลอดลมอักเสบในเด็กเล็ก
  • อาการ ไอ มีเสมหะ หายใจมีเสียงวี้ด
  • การป้องกัน ล้างมือและหลีกเลี่ยงพาเด็กไปในที่แออัดช่วงระบาด

การดูแลด้านจิตใจและอารมณ์

การสร้างความผูกพันระหว่างพ่อแม่และลูกน้อยเป็นหัวใจของ พัฒนาการวัยทารก ควรอุ้ม กอด พูดคุย สบตา เพื่อให้เด็กรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ

เด็กเล็ก ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ และการดูแลที่เหมาะสมในทุกมิติ การเข้าใจ พัฒนาการเด็กแต่ละเดือน จะช่วยให้พ่อแม่สามารถวางแผนการเลี้ยงดูลูกน้อยให้เติบโตอย่างสมบูรณ์ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม

คำถามที่พบบ่อย

โดยทั่วไป ทารกแรกเกิด จะเริ่มมองเห็นภาพและแสงลาง ๆ ตั้งแต่แรกเกิด แต่จะโฟกัสได้ในระยะใกล้ประมาณ 20–30 ซม. และจะมองเห็นชัดขึ้นเมื่ออายุ 2–3 เดือน

พัฒนาการทารก 1 เดือน จะเริ่มหันศีรษะตามเสียง จ้องตามสิ่งของในระยะใกล้ และมีปฏิกิริยาสะท้อน เช่น ดูด กำมือ

ส่วนใหญ่ เด็กคลาน ได้เมื่ออายุ 7–10 เดือน และ เริ่มเดิน ได้เมื่ออายุประมาณ 12–15 เดือน

แนะนำให้เริ่มอาหารเสริมเมื่อเด็กอายุ 6 เดือน โดยเริ่มจากอาหารบดละเอียดและค่อย ๆ ปรับเนื้อสัมผัสให้หยาบขึ้นตามพัฒนาการ

  • แรกเกิด–3 เดือน 16–18 ชั่วโมง/วัน
  • 4–6 เดือน 14–16 ชั่วโมง/วัน
  • 7–12 เดือน 12–14 ชั่วโมง/วัน

โรคที่พบบ่อย ได้แก่ ไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่, โรคมือเท้าปาก, โรคปอดบวม, โรคท้องเสีย และไข้หวัด RSV

แนะนำให้ตรวจพัฒนาการทุก 3–6 เดือน หรือเมื่อพ่อแม่สังเกตว่าลูกมีพัฒนาการช้ากว่าเกณฑ์

ผู้ดูแลเด็กเล็กควรมีความรักและความอดทนต่อเด็ก สุขภาพแข็งแรง มีความรู้พื้นฐานด้านการเลี้ยงดูและพัฒนาการเด็กแต่ละช่วงวัย รวมถึงมีทักษะการสื่อสารที่ดีและสามารถดูแลความปลอดภัยของเด็กได้อย่างเหมาะสม

ตรวจสอบอุณหภูมิของนม ท่าทางการให้นม และสภาพร่างกาย หากยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษากุมารแพทย์ หรือสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ NTK GoodHealth ได้ที่ Tel. 0827916559 หรือ 091-710-5596 LINE. @ntkgood